เริ่มต้นลงขายสินค้ากับ NocNoc
NocNoc แพลตฟอร์มมาร์เก็ตเพลสที่รวมสินค้าและบริการเรื่องบ้านกว่า 700,000 รายการ ที่จะช่วยต่อยอดธุรกิจของท่านให้ไปถึงเป้าหมายที่ต้องการ โดยปัจจุบันมีหมวดหมู่สินค้าหลักที่สามารถวางจำหน่ายบน NocNoc ถึง 20 หมวดหมู่หลักด้วยกัน

ทั้งนี้ แนะนำให้ผู้ขายเลือกหมวดหมู่สินค้าให้ถูกต้อง เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้ซื้อสามารถค้นหาสินค้าของท่านเจอได้มากยิ่งขึ้น
หมายเหตุ : หากต้องการสอบถามข้อมูลหรือปรึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับหมวดหมู่สินค้า สามารถติดต่อทีม Seller Service ได้ที่ Line Official: @nocnocseller
วิธีการลงขายสินค้าชิ้นแรกบน Seller Center
เลือกเมนูหลัก สินค้า
เลือกเมนูย่อย การจัดการสินค้า
กดปุ่ม เพิ่มสินค้าแรกของร้าน

ทั้งนี้ ผู้ขายจำเป็นต้องระบุรายละเอียดของสินค้าให้ครบถ้วน โดยแบ่งออกเป็น 6 หัวข้อ ดังต่อไปนี้
- ข้อมูลทั่วไป
- คุณลักษณะสินค้า
- ราคาและสินค้าคงคลัง
- รูปภาพและวิดีโอ
- ขนาดสินค้าและบรรจุภัณฑ์
- การรับประกันและคืนสินค้า

วิธีการระบุรายละเอียดข้อมูลสินค้า
1.ข้อมูลทั่วไปของสินค้า
1.1 ชื่อและหมวดหมู่สินค้า
ชื่อสินค้า:
– เรียงจาก ชื่อแบรนด์ + ชื่อสินค้า + ชื่อรุ่น

*หากต้องการเพิ่มชื่อสินค้าภาษาอังกฤษ สามารถกดเครื่องหมาย “+ เพิ่มชื่อสินค้าภาษาอังกฤษ” เพื่อเปิดการตั้งชื่อสินค้าดังกล่าว
– ควรมีความยาวมากกว่า 10 ตัวอักษร แต่ไม่เกิน 120 ตัวอักษร
หมวดหมู่ของสินค้า:
– ระบุหมวดหมู่ของสินค้า โดยแบ่งออกเป็น หมวดหมู่สินค้าหลัก > หมวดหมู่สินค้ารอง > หมวดหมู่สินค้าย่อย
คำแนะนำ : ผู้ขายควรเลือกหมวดหมู่สินค้าให้ถูกต้อง เพื่อให้ผู้ซื้อสามารถค้นหาสินค้าเจอได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
ประเภทของสินค้า (เฉพาะสินค้าบางหมวดหมู่เท่านั้น)
– ควรเลือกประเภทสินค้าให้ตรงกับสินค้าที่วางขาย

1.2 คำบรรยายสินค้า
– ระบุได้ทั้งคำบรรยายภาษาไทย และภาษาอังกฤษ
– ควรเขียนคำบรรยายสินค้าตั้งแต่ 25 ตัวอักษรขึ้นไป
คำแนะนำ :
– ควรใส่ Bullet point หรือลำดับข้อ เพื่อให้ผู้ซื้อสามารถทำความเข้าใจง่ายขึ้น
– ควรตรวจสอบความถูกต้องของภาษา
หมายเหตุ ⚠️ : ห้ามใส่ข้อมูลต่อไปนี้ในคำบรรยายสินค้า
– ราคา และโปรโมชัน
– ช่องทางการติดต่อของร้าน
อีกทั้ง ไม่ควรใช้คำซ้ำ ในการเขียนคำบรรยายสินคัา

จากนั้นกดปุ่ม คุณลักษณะสินค้า เพื่อกรอกข้อมูลส่วนถัดไป
2.คุณลักษณะสินค้า
2.1 ข้อมูลสินค้าเบื้องต้น
แบรนด์/ยี่ห้อ:
– เลือกแบรนด์/ยี่ห้อสินค้าที่ตรงกับสินค้าที่ต้องการวางขาย
รายละเอียดสินค้าเพิ่มเติม: เช่น หน่วยการขาย, วัสดุโคงสร้าง. รูปทรง ฯลฯ
คำแนะนำ : ผู้ขายควรระบุข้อมูลที่จำเป็นให้ตรงทุกช่อง เพื่อให้ลูกค้ามีข้อมูลครบถ้วนในการตัดสินใจซื้อสินค้า

2.2 ตัวเลือกสินค้า
– สร้างตัวเลือกสินค้า: ระบุตัวเลือกสินค้าจากสี, ขนาด, วัสดุ หรือสร้างหมวดหมู่อื่นๆ เพิ่มเติม โดยผู้ขายสามารถสร้างตัวเลือกสินค้าได้สูงสุด 2 ตัวเลือก

2.3 จับคู่ตัวเลือกสินค้ากับตัวกรองการค้นหา (Filter) บนระบบ เพื่อให้ลูกค้าค้นหาสินค้าของท่านได้ง่ายขึ้น

นอกจากนี้ หากต้องการ ยกเลิกการขายสินค้าราย SKU ให้เลื่อน Toggle ที่หัวข้อ เปิดใช้ ให้เปลี่ยนเป็นสีเทา เพื่อยกเลิกการขายสินค้านั้นๆ

จากนั้นกดปุ่ม ราคาและสินค้าคงคลัง เพื่อกรอกข้อมูลส่วนถัดไป
3.ราคาและสินค้าคงคลัง
3.1 ราคาและรายละเอียดการขาย
ราคาขายตั้งต้น: ราคาขายสินค้าตั้งต้น หรือราคาขายที่ยังไม่หักส่วนลด
สถานะสินค้า: เช่น พร้อมจำหน่าย, สั่งผลิต เป็นต้น (หากเป็น “สินค้าพรีออเดอร์” ให้เลือกเป็น “สินค้าสั่งผลิต”)
ระยะเวลาจัดเตรียม: การตั้งค่าแตกต่างกันตามสถานะสินค้า (ดูวิธีการตั้งค่าระยะเวลาจัดเตรียมที่หัวข้อถัดไป)
โค้ดสินค้า: ผู้ขายกำหนดเอง
นอกจากนี้ ผู้ขายยังสามารถกำหนด จำนวนสั่งซื้อขั้นต่ำ, ราคาขายส่ง และจำนวนขายส่ง ได้ที่หัวข้อนี้

3.1.1 การตั้งค่าระยะเวลาจัดเตรียม
ระยะเวลาจัดเตรียมสำหรับ “สินค้าพร้อมจำหน่าย”
– ควรตั้งระยะเวลาจัดเตรียมสินค้าพร้อมจำหน่ายทุก SKU ให้เท่ากันโดยตั้งค่า สูงสุดไม่เกิน 2 วันทำการ (ไม่นับรวมวันเสาร์-อาทิตย์, วันหยุดทำการของร้านค้า และวันหยุดนักขัตฤกษ์)
ระยะเวลาจัดเตรียมสำหรับ “สินค้าสั่งผลิต”
– ควรตั้งระยะเวลาจัดเตรียมสินค้าสั่งผลิต โดยคำนวณจาก ระยะเวลาผลิตสินค้าตามจริง + 2 วันสำหรับการแพ็กสินค้า โดยนับรวมวันเสาร์-อาทิตย์, วันหยุดทำการของร้านค้า และวันหยุดนักขัตฤกษ์
ตัวอย่าง: สินค้า A ใช้เวลาผลิตตามจริง 5 วัน + 2 วันสำหรับการแพ็กสินค้า = ระยะเวลาจัดเตรียมสินค้า 7 วัน
3.2 จำนวนสินค้าคงคลัง
– ระบุจำนวนสินค้าคงเหลือในแต่ละคลังสินค้าตามความเป็นจริง

จากนั้นกดปุ่ม รูปภาพและวิดีโอ เพื่อกรอกข้อมูลส่วนถัดไป
4. รูปภาพและวิดีโอ
4.1 รูปภาพสินค้า
เคล็ดลับอัปโหลดรูปสินค้าให้ใดนใจลูกค้า
– ควรอัปโหลดรูปสินค้า อย่างน้อย 3 รูป/ 1 SKU และมีความหลากหลายมุมมอง (ไม่ใช้รูปซ้ำ)
– รูปสินค้าต้องมีคุณภาพ สวยงาม ความละเอียดคมชัด ซูมแล้วไม่แตก (ความละเอียดรูปสินค้าที่แนะนำ คือ 1200×1200 pixel)
– รูปสินค้าควรมีอัตราส่วน 75-90% ของพื้นที่ในรูป
คำแนะนำ :
– หากต้องการเพิ่มรูปโลโก้บนรูปภาพของสินค้า ควรวางตำแหน่งของโลโก้สินค้าบริเวณด้านมุมของภาพ และเป็นบริเวณที่ไม่บดบังรายละเอียดของสินค้า
– รูปภาพสินค้าที่มีโลโก้หรือขนาดของสินค้าควรจัดเรียงตำแหน่งรูปตั้งแต่ตำแหน่งที่ 2 เป็นต้นไป เนื่องจากรูปแรกจะเป็นรูปปกสินค้าเสมอ
– ไม่ควรใส่ราคา, โปรโมชัน หรือโค้ดส่วนลดบนรูปภาพสินค้า
ตัวอย่างรูปภาพหน้าปกของสินค้า (รูปแรก)

✅ เห็นรูปสินค้าชัดเจน มีความคมชัด (รายละเอียดของรูปที่แนะนำ 1200×1200 pixel)
✅ พื้นหลังสีขาว
✅ ไม่มีรูปโลโก้ หรือขนาดของสินค้าบนรูปภาพ
ตัวอย่างรูปภาพสินค้าอื่นๆ เพิ่มเติม

รูป Room Scene

รูปที่แสดงให้เห็นการใช้งาน

รูปวัสดุสินค้าระยะใกล้

รูปขนาดสินค้า
วิธีอัปโหลดรูปภาพสินค้า
– เลือกไฟล์รูปสินค้าและรูปรูมซีนจากอุปกรณ์ของท่าน หรือรูปที่อัปโหลดแล้วจากคลังภาพของร้านในระบบ

4.2 วิดีโอสินค้า

เคล็ดลับอัปโหลดวิดีโอสินค้าให้ใดนใจลูกค้า
– ควรอัปโหลดวิดีโออย่างน้อย 1 วิดีโอ
– ขนาดวิดีโอไม่ควรเกิน 150 MB.
– รองรับเฉพาะไฟล์นามสกุล MP4 เท่านั้น
วิธีอัปโหลดวิดีโอ
– เลือกไฟล์วิดีโอที่อัปโหลดแล้วจากคลังวิดีโอของร้านในระบบ หรืออัปโหลดด้วยลิงก์ URL
หมายเหตุ : ไฟล์วิดีโอต้องไม่ได้มาจาก GG drive หรือ Facebook

จากนั้นกดปุ่ม ขนาดสินค้าและบรรจุภัณฑ์ เพื่อกรอกข้อมูลส่วนถัดไป
5. ขนาดสินค้าและบรรจุภัณฑ์
5.1 ขนาดสินค้า
– ระบุขนาดสินค้าและน้ำหนักสินค้า (ไม่รวมบรรจุภัณฑ์) ให้ถูกต้อง เพื่อช่วยให้ผู้ซื้อสามารถตัดสินใจซื้อสินค้าได้ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ หากต้องการใช้ข้อมูลสินค้าเหมือนกันทุกตัวเลือกสินค้า ให้เลือก “ใช่” ที่หัวข้อ ทุกตัวเลือกสินค้ามีขนาดเท่ากัน

5.2 ขนาดและน้ำหนักบรรจุภัณฑ์
– ระบุขนาดและน้ำหนักของบรรจุภัณฑ์ (รวมสินค้า) ให้ถูกต้อง เพื่อช่วยให้ผู้ซื้อสามารถตัดสินใจซื้อสินค้าได้ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ หากต้องการใช้ข้อมูลสินค้าเหมือนกันทุกตัวเลือกสินค้า ให้เลือก “ใช่” ที่หัวข้อ ทุกตัวเลือกสินค้ามีขนาดเท่ากัน
– สำหรับสินค้าที่ใช้บรรจุภัณฑ์ตั้งแต่ 2 กล่องขึ้นไป สามารถกดปุ่ม เพิ่มบรรจุภัณฑ์ เพื่อกรอกรายละเอียดของแต่ละบรรจุภัณฑ์เพิ่มเติมตามความเป็นจริงได้

จากนั้นกดปุ่ม การรับประกันและคืนสินค้า เพื่อกรอกข้อมูลส่วนถัดไป
6. การรับประกันและคืนสินค้า
– ระบุข้อมูลการรับประกันหรือเงื่อนไขการคืนสินค้า (หากมี)
– ข้อมูลการรับประกันสินค้า
– ระยะเวลาการรับประกัน (วัน/เดือน / ปี)
– เงื่อนไขการรับประกัน
– เงื่อนไขการคืนสินค้า


จากนั้นกดปุ่ม บันทึกและขออนุมัติสินค้า เพื่อขออนุมัติการลงขายสินค้า
การอนุมัติสินค้า

ระบบจะใช้เวลา 1 – 2 วันในการอนุมัติข้อมูลสินค้า โดยผู้ขายจะได้รับอีเมลแจ้งผลการลงสินค้าทุกครั้ง เมื่อสินค้าได้รับการอนุมัติหรือถูกปฏิเสธการอนุมัติจาก NocNoc
นอกจากนี้ บนระบบ Seller Center ผู้ขายสามารถดูรายละเอียดของสินค้าในแต่ละสถานะของสินค้าได้ ดังต่อไปนี้
– ขึ้นขายแล้ว: สินค้าที่ผ่านการอนุมัติและแสดงบนหน้าเว็บพร้อมจำหน่าย
– แบบร่าง: สินค้าที่ถูกบันทึกข้อมูลไว้ แต่ยังไม่ได้ดำเนินการส่งขออนุมัติ หรือถูกปฎิเสธการอนุมัติจากเจ้าหน้าที่ (โปรดตรวจสอบอีเมลว่าต้องแก้ไขข้อมูลส่วนใด)
– รออนุมัติ: สถานะรอการตรวจสอบและอนุมัติจากเจ้าหน้าที่มีระยะเวลาดำเนินการ 1-2 วัน
– งดการขายชั่วคราว : สินค้าที่ทางร้านซ่อนจากหน้าเว็บ สามารถส่งขออนุมัติเพื่อนำกลับมาขายใหม่ได้อีกครั้ง
– ไม่อนุมัติ: สินค้าที่ถูกปฏิเสธจากเจ้าหน้าที่ NocNoc พร้อมเหตุผลการไม่อนุมัติสินค้า

ทั้งนี้ ผู้ขายสามารถแก้ไขรายละเอียดข้อมูลสินค้าโดยคลิกที่ แก้ไข เพื่ออัปเดตรายละเอียดสินค้าในแต่ละสถานะได้เช่นกัน

โดยเมื่อแก้ไขข้อมูลสินค้าเรียบร้อย ให้กด บันทึกและขออนุมัติสินค้า เพื่อให้ข้อมูลที่แก้ไขถูกอัปเดตทันที
ยกเว้น หากมีการแก้ไข
– รูปภาพหลัก
– วิดีโอ
– คำบรรยายสินค้า
NocNoc จะดำเนินการตรวจสอบและอนุมัติภายใน 1 – 2 วัน
หากพบข้อสงสัย และมีคำถามสอบถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อ Seller Service ได้ที่
Email: seller@nocnoc.com , Line: @nocnocseller หรือ โทร 02-029-9845